วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ประวัติพระราชาคณะอำเภออรัญประเทศ


ประวัติพระราชาคณะอำเภออรัญประเทศ
---------------------
                 
                 พระราชาคณะ หมายถึง พระภิกษุที่ได้รับสถาปนาให้มีสมณศักดิ์ตั้งแต่ชั้นสามัญจนถึงชั้นสมเด็จพระราชาคณะ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า พระสังฆราชาคณะ หมายความว่า เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ต่อมาในสมักรุงรัตนโกสินทร์เปลี่ยนเป็นพระราชาคณะ ความหมายยังคงเดิม มีคำนำหน้าราชทินนามว่า “พระ” แต่ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่าเจ้าคุณหรือท่านเจ้าคุณ ถ้าเป็นสมเด็จพระราชาคณะเรียกว่า ท่านเจ้าประคุณ แยกเป็นลำดับดังนี้ -
             ๑.  สมเด็จพระราชาคณะ (ชั้นสุพรรณบัฏ)
             ๒.  พระราชาคณะเจ้าคณะรอง (ชั้นหิรัญบัฏ)
             ๓.  พระราชาคณะเจ้าคณะรอง (ชั้นสัญญาบัตร)
             ๔.  พระราขาคณะชั้นธรรม
             ๕.  พระราชาคณะชั้นเทพ             
             ๖.  พระราชาคณะชั้นราช
             ๗.  พระราชาคณะชั้นสามัญ ซึ่งแบ่งตามลำดับเป็น -
·     พระราชาคณะปลัดขวา ปลัดซ้าย
·     พระราชาคณะ ชั้นสามัญเปรียญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
·     พระราชาคณะ ชั้นสามัญเปรียญธรรม ๙, ๘, ๗, ๖, ๕, ๔ และเปรียญธรรม ๓ ตามลำดับ
·     พระราชาคณะ ชั้นสามัญเทียบเปรียญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
·    

  
 
พระราชาคณะ ชั้นสามัญเทียบเปรียญ
·     พระราชาคณะ ชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
·     พระราชาคณะ ชั้นสามัญยก
      อีกทั้งพระราชาคณะสามารถแต่งตั้งฐานานุกรม เพื่อช่วยงานด้านต่างๆได้ ซึ่งพระราชาคณะชั้นสามัญมี ๓ ฐานานุกรม คือ พระปลัด พระสมุห์ และพระใบฎีกา ส่วนพระราชาคณะชั้นราชขึ้นไปก็จะมีฐานานุกรม ตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาบัตรและสุพรรณบัฏ
บทบาทพระราชาคณะกับอัตลักษณ์การพัฒนา
            อำเภออรัญประเทศ (เดิมเขียนว่า อรัญญประเทศ) ตามประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ซึ่งปรากฏในประชุมพงศาวดารหอสมุดแห่งชาติ ทรงโปรดให้ยกบ้านเรือนชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่มากขึ้นเป็นเมืองในช่วงปี พ.ศ. ๒๓๖๗ (ร.ศ. ๑๒๒) ชุมชนบ้านเรือนประชาชนที่อยู่แถบเชิงเทือกเขาบรรทัด (เดิมเรียกว่า เชิงเขาประทัด) มีทั้งสิ้น ๒๘ เมือง เช่นมีเขตชุมชนบ้านด่านหนุมาน ยกขึ้นเป็น “เมืองกบินทร์บุรี” จนถึงเขตชุมชนบ้านดงอรัญหรือบ้านอรัญทุ่งแค ยกขึ้นเป็น “เมืองอรัญญประเทศ” ก่อนมีสถานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๖ (ร.ศ. ๒๐๑) เมืองอรัญ(ญ)ฯ ซึ่งเป็นชุมชนเมืองที่มีการอพยพและตั้งรกรากของชาวลาวหรือครัวลาวที่มาจากเวียงจันทร์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ที่ทำกิน ลักษณะการเป็นอยู่ถึงจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังมีที่ไม่เปลี่ยน คือ “วัฒนธรรม ประเพณี” อันเห็นได้จากลักษณะภาษา หรือประเพณีบางอย่างของชาวลาว เช่น พิธีแห่ปราสาทผึ้ง เป็นต้น โดยอาศัยพระสงฆ์และผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้บอกเล่าผ่านวัฒนธรรม ประเพณี เหล่านั้น หรืออาจได้เรียกว่า “ทุกถิ่นฐานประชา มีสายธารวัฒนธรรมบรรพชน” พระสงฆ์ชั้นพระราชาคณะที่มีบทบาทต่อการสร้างอัตลักษณ์การพัฒนาในอดีตที่ผ่านมามี ๓ รูป คือ-


            รูปที่หนึ่ง พระอรัญประเทศคณาจารย์ (ลี อินทฺโชโต) นามเดิม ลี จันทร์ชู เกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๓๘ ณ บ้านโนนสาวเอ้ เมืองอรัญญประเทศ (ตำบลคลองน้ำใสอำเภออรัญประเทศ) เป็นบุตรของนายอ่าง นางผุย จันทร์ชู เมื่ออายุ ๑๔ ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโคกสะแบง เมืองอรัญญประเทศ (ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ) มีพระครูวัน (พระหลักคำ) วัดสุทธาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ณ พัทธสีมาวัดสุทธาวาส โดยมีพระครูวัน เจ้าคณะแขวงอรัญ วัดสุทธาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเจ้าคุณลีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ราชทินนามที่ “พระอรัญประเทศคณาจารย์” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ท่านมีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนาเมืองอรัญฯ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของลูกหลานชาวเมืองอรัญฯ การสาธารณูปการ เช่น การริเริ่มสร้างศาลหลักเมืองอรัญฯ การสร้างและพัฒนาวัดให้เป็นศาสนสถานแหล่งรวมจิตวิญญาณ สายธารวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนา เช่น สร้างวัดหลวงอรัญญ์ ส่งเสริมให้ภิกษุสามเณร เด็กเยาวชน ได้มีโอกาสทางการศึกษาโดยให้วัดเป็นศูนย์กลาง จนเมื่อปี พ.ศ. ๑๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินเป็นการส่วนพระองค์ ณ วัดหลวงอรัญญ์ จนบางคนบางท่านถึงกับเอ่ยปากว่า “ได้เห็นในหลวงเพราะเจ้าคุณลี”


             รูปที่สอง พระราชธรรมภาณี (สุนาถ ติกฺขวีโร) นามเดิม สุนาถ เกิดน้ำใส เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๕ เมษายน ๒๔๗๘ ณ บ้านคลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศเป็นบุตรของนายบาง นางวันนา เกิดน้ำใส เมื่ออายุ ๑๖ ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโคกสะแบง ตำบลท่าข้าม มีพระครูอรัญประเทศคณาจารย์ (ลี) วัดหลวงอรัญญ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ พัทธสีมาวัดหลวงอรัญญ์ มีพระอรัญประเทศคณาจารย์ (ลี) วัดหลวงอรัญญ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเจ้าคุณสุนาถท่านเป็นผู้ใฝ่ใจเรื่องการศึกษาและการพัฒนาบุคคล ท่านเป็นเปรียญ ๔ ประโยค และยังเข้ารับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) จนจบหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต ส่วนการปกครองเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ และเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว ท่านเป็นผู้ผลักดันสนับสนุนให้เกิดการศึกษาของพระสงฆ์ในจังหวัดสระแก้วขึ้น โดยเปิดให้มีหน่วยวิทยบริการ มจร. ที่วัดสระแก้ว (พระอารามหลวง) ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญธรรม ๔ ราชทินนามที่ “พระโสภณพุทธิธาดา” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และโปรดเลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นราช ราชทินนามที่ “พระราชธรรมภาณี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑

             รูปที่สาม พระสิริวุฒิเมธี (สมพร กนฺตาโภ) นามเดิม สมพร พงษ์ศรี เกิดเมื่ออาทิตย์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๔๙๙ ณ บ้านเหล่าอ้อย ตำบลหนองสังข์ อำเภออรัญประเทศ เป็นบุตรของนายลี นางมาก พงษ์ศรี อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ณ พัทธสีมาวัดหลวงอรัญญ์ มีพระครูพรหมวิริยคุณ (พรหมา) วัดโคกสูง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเจ้าคุณสมพรเป็นผู้ให้ความสนใจต่อการพัฒนาบุคลากรของพระพุทธศาสนาและการศึกษาของพระสงฆ์ ท่านเป็นเปรียญ ๗ ประโยค ส่วนการปกครองเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญธรรม ๗ ราชทินนามที่ “พระสิริวุฒิเมธี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐
-------------------------
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
จรูญ พัฒนศร. (๒๕๑๕) ประวัติเมืองอรัญประเทศ ; อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายเลิศชัย จำปาเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒.
พิศิษฐ์ งามงด. (มปป.) ประวัติพระอรัญญประเทศคณาจารย์ (ลี จันทร์ชู). เอกสารถ่ายสำเนา.
พระธรรมปริยัติโสภณ (วรวิทย์). (๒๕๕๒) ประวัติจังหวัดสระแก้ว ; ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพระราชปริยัตยาจารย์ (เส็ง). กรุงเทพมหานคร : โรง 
  พิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด.
ขอขอบคุณข้อมูล
               พระเดชพระคุณพระพระราชธรรมภาณี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว, พระเดชพระคุณพระสิริวุฒิเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว และผู้เฒ่าผู้แก่ชาวอรัญฯ ทุกท่านที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา ฯ